กรมอุตุฯ เตือนฉบับ 13! พายุ แมตโม อิทธิพลแรง เผยรายชื่อจังหวัดเสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน.!!

เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 6 ตุลาคม 2568 กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศฉบับที่ 13 (289/2568) เรื่อง พายุ “แมตโม” (MATMO) โดยระบุว่า เมื่อเวลา 13.00 น. ของวันเดียวกัน พายุโซนร้อน “แมตโม” ได้เคลื่อนเข้าปกคลุมบริเวณเมืองหลั่งเซิน ประเทศเวียดนามตอนบน

จากการตรวจสอบเมื่อเวลา 16.00 น. พายุมีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 22.1 องศาเหนือ ลองจิจูด 106.2 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกด้วยความเร็วประมาณ 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะอ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมในช่วงวันที่ 6-7 ตุลาคมนี้ โดยยืนยันว่าพายุลูกนี้ จะไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม อิทธิพลของพายุส่งผลให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังแรงขึ้น ทำให้ในช่วงวันที่ 6-7 ตุลาคม 2568 ประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก กรมอุตุฯ จึงเตือนให้ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวเฝ้าระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจก่อให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ลุ่มต่ำ

ขณะเดียวกัน บริเวณทะเลอันดามันตอนบนจะมีคลื่นสูง 1-2 เมตร และในพื้นที่ที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นจะสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

กรมอุตุนิยมวิทยาแนะนำให้ประชาชนติดตามประกาศอย่างใกล้ชิดได้ที่เว็บไซต์ www.tmd.go.th โทรศัพท์ 0-2399-4012-13 และ 1182 ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมระบุว่าจะออกประกาศฉบับต่อไปในเวลา 23.00 น. ของวันเดียวกัน

พยากรณ์อากาศรายภาค 24 ชั่วโมงข้างหน้า (6 ต.ค. เวลา 18.00 น. – 7 ต.ค. เวลา 18.00 น.)

ภาคเหนือ

มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน ตาก พิษณุโลก และเพชรบูรณ์

อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส

อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส

ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง

บริเวณจังหวัดหนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ชัยภูมิ และนครราชสีมา

อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส

อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส

ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ภาคกลาง

มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดกาญจนบุรี นครสวรรค์ ลพบุรี สระบุรี และราชบุรี

อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส

อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส

ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ภาคตะวันออก

มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง

บริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส

อุณหภูมิสูงสุด 28-33 องศาเซลเซียส

ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดสงขลา ปัตตานี ยะลาและนราธิวาส

อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส

อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส

ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง พังงา ตรัง และสตูล

อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส

อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส

ตั้งแต่จังหวัดพังงาขึ้นไป ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ตั้งแต่จังหวัดภูเก็ตลงไป ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 ของพื้นที่

อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส

อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส

ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

กรมอุตุนิยมวิทยาย้ำเตือนว่า ในระยะนี้หลายพื้นที่ของประเทศยังคงได้รับอิทธิพลจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้และผลกระทบจากพายุแมตโม จึงขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงน้ำหลากและใกล้ชายฝั่ง เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้จากสภาพอากาศแปรปรวนในช่วงนี้

ภาพและข้อมูลจาก กรมอุตุนิยมวิทยา

เรียบเรียงโดย ทีมข่าวสยามนิวส์

Scroll to Top