น้ำเหนือทะลัก! เขื่อนเจ้าพระยาเร่งระบาย รับมือฝนหนัก 12-15 ก.ย.

วันที่ 12 กันยายน 2568  สถานการณ์น้ำในพื้นที่ลุ่มภาคกลางเริ่มตึงตัว หลังเขื่อนเจ้าพระยา ตำบลบางหลวง อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการบริหารจัดการน้ำเจ้าพระยา ปรับเพิ่มอัตราการระบายน้ำ เพื่อรองรับมวลน้ำจากพื้นที่ตอนบนของประเทศที่กำลังไหลลงมาจากฝนตกหนัก

มีรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. ปริมาณน้ำเหนือที่ไหลเข้าเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยที่จุดวัดน้ำ C2 บริเวณหน้าค่ายจิรประวัติ อำเภอเมืองนครสวรรค์ ตรวจวัดได้ 2,136 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับน้ำเหนือเขื่อนยกตัวขึ้น 13 เซนติเมตรภายใน 24 ชั่วโมงล่าสุด วัดได้ที่ 17.13 เมตร (รทก.)

เพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว เขื่อนเจ้าพระยาได้ปรับเพิ่มอัตราการระบายน้ำจาก 1,900 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็น 2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อสร้างพื้นที่ว่างในแม่น้ำรองรับมวลน้ำจากฝนตกหนักในช่วงวันที่ 12–15 กันยายน พร้อมทั้งลดผลกระทบในพื้นที่ท้ายเขื่อน โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำที่เริ่มมีน้ำท่วมสูง

จากการเพิ่มอัตราการระบายน้ำ ส่งผลให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนยกตัวขึ้นอีก 16 เซนติเมตรในรอบ 24 ชั่วโมง วัดได้ที่ระดับ 14.53 เมตร (รทก.)

กรมชลประทานออกประกาศเตือนให้ประชาชนใน 11 จังหวัดภาคกลาง ได้แก่ อุทัยธานี ชัยนาท สุพรรณบุรี สิงห์บุรี ลพบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการและกรุงเทพมหานคร เฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างใกล้ชิด

โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ เช่น คลองโผงเผง อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง และ คลองบางบาล อำเภอบางบาล ตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา ตำบลลาดชิดและตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา รวมถึงพื้นที่ริมตลิ่งแม่น้ำน้อย ที่คาดว่าระดับน้ำจะเพิ่มขึ้นอีก 30-50 เซนติเมตรภายใน 24 ชั่วโมง จึงขอให้ประชาชนยกของขึ้นที่สูง

ขณะเดียวกัน พื้นที่บางส่วนในหมู่ 2 ตำบลหาดอาษา อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท ซึ่งอยู่นอกคันกั้นน้ำ เริ่มมีน้ำเอ่อล้นเข้าท่วมระดับสูง 10- 30 เซนติเมตร ส่งผลให้เทศบาลต้องวางแนวกระสอบทรายป้องกันน้ำไหลเข้าสู่พื้นที่ชั้นในซึ่งเป็นเขตที่อยู่อาศัยและย่านเศรษฐกิจ

ชาวบ้านในพื้นที่ให้ข้อมูลว่า ระดับน้ำเริ่มเพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้า โดยใช้เวลาเพียงครึ่งวันจากระดับที่ต่ำกว่าตลิ่ง ก็เอ่อขึ้นมาถึงพื้นใต้ถุนบ้าน ทำให้หลายครอบครัวต้องขนของใช้ขึ้นไปไว้บนชั้นสอง เพื่อความสะดวกในการใช้งานและความปลอดภัย โดยคาดว่าระดับน้ำจะยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และชั้นล่างอาจไม่สามารถใช้งานได้ภายใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า

Scroll to Top