วันที่ 10 กันยายน 2568 เวลา 09.40 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย ได้มีการให้สัมภาษณ์ กรณีกระแสข่าวที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับโทษจำคุกและอาจส่งผลกระทบต่อพรรคเพื่อไทย

นายประเสริฐกล่าวว่า ในการประชุมพรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา สมาชิกพรรคทุกคนยังคงมีกำลังใจดีและเข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยไม่มีความรู้สึกท้อถอย พร้อมเดินหน้าทำงานเพื่อประชาชน และขับเคลื่อนประเทศต่อไป
เมื่อมีการสอบถามถึงเสถียรภาพภายในพรรค นายประเสริฐยืนยันว่า ไม่มีปัญหาภายใน สมาชิกพรรคยังมีความห่วงใยต่อพรรคและเดินหน้าจัดกิจกรรมตามนโยบายของพรรค เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเลือกตั้ง
ในส่วนของการปรับเปลี่ยนนโยบาย นายประเสริฐระบุว่า เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารพรรค ที่จะหารือร่วมกับหัวหน้าพรรคในการดำเนินการต่างๆ
เมื่อถูกถามว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคยังคงสามัคคีกันดีอยู่หรือไม่ นายประเสริฐกล่าวว่า สถานการณ์ภายในยังมั่นคง และ ส.ส. หลายคนเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งมีกำลังใจในการทำงานอย่างต่อเนื่อง
สำหรับคำถามที่ว่า การที่นายทักษิณยอมรับกระบวนการยุติธรรมในครั้งนี้ จะส่งผลต่อคะแนนเสียงของพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งต่อไปหรือไม่ นายประเสริฐกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมีกลยุทธ์หลายรูปแบบในการขับเคลื่อนงานในฐานะพรรคการเมืองที่เคยเป็นพรรคใหญ่อันดับหนึ่ง โดยกลยุทธ์เหล่านั้นมีการปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลาและขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยประกอบกัน พร้อมขอให้รอดูว่าในช่วงเวลาที่เหลือจะมีการเปลี่ยนแปลงใดเกิดขึ้นหรือไม่

ทั้งนี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยจะยังคงทำหน้าที่นำพาพรรคต่อไป
เมื่อสอบถามถึงความคิดเห็นต่อหน้าตาของรัฐบาลใหม่ นายประเสริฐกล่าวว่า ขอไม่ขอวิจารณ์รัฐบาลปัจจุบัน และเห็นว่ารัฐบาลใหม่ควรได้รับโอกาสในการแสดงศักยภาพในการทำงาน
สำหรับภารกิจของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมที่ดำเนินอยู่ นายประเสริฐระบุว่า เป็นงานที่มีความสำคัญ เช่น การปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การออกกฎหมายลำดับรองตามพระราชกำหนด 2 ฉบับเกี่ยวกับการคืนเงินให้ประชาชนและการส่งเสริมระบบ E-office ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญต่อการพัฒนาสู่รัฐบาลดิจิทัลในอนาคต
นอกจากนี้ ยังมีภารกิจอื่นอีกหลายด้าน โดยมีฝ่ายข้าราชการประจำที่เข้มแข็งและสามารถทำงานร่วมกับฝ่ายการเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถสร้างประโยชน์ต่อประเทศได้