รังกาใหญ่ น้ำท่วมหนักในรอบ 10 ปี เผยมีคนถูกน้ำป่าซัดเสียชีวิต

วันที่ 9 ก.ย. 2568 สถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่บ้านตะปัน หมู่ 5 ตำบลรังกาใหญ่ อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา หลังเกิดฝนตกหนักต่อเนื่องนานหลายชั่วโมงเมื่อวันที่ 8 กันยายนที่ผ่านมา ส่งผลให้ปริมาณฝนสะสมในพื้นที่สูง และมีน้ำป่าหลากจากอำเภอห้วยแถลง ซึ่งเป็นพื้นที่สูง ไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนอย่างรวดเร็ว

ระดับน้ำเพิ่มสูงและไหลเชี่ยว ทำให้ข้าวของภายในบ้านและรถยนต์ของชาวบ้านบางคันถูกกระแสน้ำพัดลอยออกมากลางถนน เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอำเภอพิมาย พร้อมชาวบ้าน ต้องช่วยกันเร่งอพยพผู้คนออกจากบ้านพัก เนื่องจากเกรงจะเกิดอันตรายจากกระแสน้ำที่รุนแรง

มีรายงานเหตุการณ์ระทึกใจ ขณะน้ำท่วมเข้าบ้าน เด็กชายคนหนึ่งถูกกระแสน้ำพัดลอยออกนอกตัวบ้าน โชคดีที่ตาและแม่วิ่งมาคว้ามือไว้ทัน เด็กมีอาการตกใจกลัว ร้องไห้และยกมือไหว้ขอความช่วยเหลือตลอดเวลา

ชาวบ้านในพื้นที่ระบุว่า น้ำท่วมครั้งนี้รุนแรงที่สุดในรอบ 10 ปี ไม่เคยพบว่าระดับน้ำทะลักเข้าบ้านและท่วมถนนสูงเช่นนี้มาก่อน

ช่วงค่ำของวันที่ 8 ก.ย. น้ำยังคงไหลหลากเข้าท่วมถนนสายพิมาย-ชุมพวง บริเวณหน้าโรงเรียนพิมายสามัคคี 1 ระดับน้ำสูงกว่า 30 เซนติเมตร ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องสั่งปิดการจราจรชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยจากกระแสน้ำที่ไหลแรงและมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เทศบาลตำบลรังกาใหญ่ได้นำรถตักมาดันเกาะกลางถนนออก บริเวณหน้าโรงเรียนเพื่อเปิดทางให้น้ำระบายลงคลอง คาดว่าหากไม่มีฝนตกซ้ำ จะสามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้ภายใน 4-5 ชั่วโมง

ต่อมา มีรายงานจากเจ้าหน้าที่กู้ภัยว่า มีผู้สูญหาย 1 ราย เป็นชายที่ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่ากระแสน้ำ จนถูกน้ำพัดหายไป

กระทั่งเวลาประมาณเที่ยงคืนของวันที่ 9 ก.ย. ระดับน้ำเริ่มลดลง และชาวบ้านพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีแดง ทะเบียนจังหวัดนครราชสีมา มีกุญแจคาอยู่ พร้อมถังน้ำมัน ลอยมาติดกับกำแพงโรงเรียนพิมายสามัคคี 1 ใกล้กันพบร่างผู้เสียชีวิต ทราบชื่อคือนายสมชาย อายุ 35 ปี ชาวตำบลโบสถ์ อำเภอพิมาย สภาพศพถูกกระแสน้ำพัดตกลงไปในท่อระบายน้ำข้างกำแพงโรงเรียน

เจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วยกันนำร่างผู้เสียชีวิตออกจากจุดเกิดเหตุ ก่อนนำส่งโรงพยาบาลพิมายเพื่อดำเนินการชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตต่อไป

เช้าวันนี้ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอำเภอพิมาย ยังคงเร่งสำรวจความเสียหาย และวางแผนให้ความช่วยเหลือและเยียวยาผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน.

Scroll to Top