จากกรณี นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง ได้นำรถเครื่องเสียงเข้าไปเปิดเสียงเฮลิคอปเตอร์ เสียงเครื่องบิน F-16 และเสียงผี รวมไปถึงมีการฉายหนังกลางแปลง ที่บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว เพื่อกดดันและข่มขวัญชาวกัมพูชาที่ไม่ยอมออกจากพื้นที่ แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวได้ออกมาประกาศชัดแล้วว่า จะหยุดการกระทำดังกล่าวแล้วนั้น

เกี่ยวกับประเด็นนี้ นายสุณัย ผาสุข ที่ปรึกษา Human rights watch ประเทศไทย โพสต์ข้อความต่อเนื่องใน X ระบุว่า ด่วน! กลายเป็นเรื่องใหญ่! (11 ต.ค.) กัมพูชา ร้องเรียนสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนยูเอ็น และผู้สังเกตการณ์นานาชาติ ขอให้ตรวจสอบกรณีไทยใช้ลำโพงขนาดใหญ่เปิดเสียงผี และเสียงเครื่องบิน รบกวน และสร้างความหวาดกลัวแก่ชุมชนชายแดนไทยกัมพูชา บ้านจกเจย – บ้านเปรยจัน (บ้านหนองหญ้าแก้ว – บ้านหนองจาน) ถือเป็นการคุกคามทางจิตวิทยาต่อพลเรือน ผิดชัดเจน กันจอมพลัง ได้ไฟเขียวจากใครให้เข้าไปทำแบบนี้ในพื้นที่กฎอัยการศึก?
พลาดมากจริงๆ เปิดโอกาสให้กัมพูชาสามารถกล่าวหาไทยได้อย่างมีน้ำหนักเป็นครั้งแรก
1) ทำอะไร?
ใช้ลำโพงรถแห่เปิดเสียงโหยหวน และเสียงเครื่องบิน โดย กัน จอมพลัง โพสต์ว่าเจตนารบกวนเวลานอน และสร้างความหวาดกลัว ถือเป็นปฏิบัติการจิตวิทยาที่อาจเข้าข่ายการทรมานด้วยเสียง ละเมิดหลักสิทธิมนุษยชน กฎหมายระหว่างประเทศ (โดยเฉพาะอนุสัญญาต่อต้านการทรมาน) และกฎหมายไทย (พ.ร.บ.ต่อต้านการทรมาน)
2) ทำต่อใคร?
เป้าหมายสำคัญ คือ เปิดเสียงดังข้ามแนวรั้วลวดหนามของไทยใส่ชุมชนกัมพูชาในพื้นที่บ้านจกเจย และบ้านเปรยจัน (บ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว) เข้าข่ายละเมิดข้อตกลงหยุดยิงด้วยการยั่วยุ คุกคาม และสร้างความหวาดกลัวแก่พลเรือนกัมพูชา
3) ใครทำ และทำที่ไหน?
เอารถแห่ไปจอดในพื้นที่กฎอัยการศึก ซึ่งใครจะเข้าไปโดยพลการไม่ได้ โดยเฉพาะในเวลากลางคืน ต่อให้ผู้กระทำไม่ใช่เจ้าหน้าที่ แต่แบบนี้กองทัพจะปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็นได้อย่างไร
จบนะ! นายกฯอนุทิน และกองทัพเลือกให้ท้าย กัน จอมพลัง แบบนี้เหมือนล้มกระดานการทำงานหนักอย่างต่อเนื่องของนักการทูตที่อาศัยการเคารพกฎกติกาสากลสร้างความชอบธรรมให้ไทย และตอบโต้กัมพูชาได้ในทุกประเด็นที่ผ่านมาเกี่ยวกับปัญหาพิพาทชายแดนไทยกัมพูชา