จากกรณี อาจารย์ ธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี และไวยาวัจกรวัดดังจำนวน 5 วัด ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาและอีกหลายวันข้างหน้า หน่วยงานภาครัฐ ทั้งจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยอื่น จะเข้าไปตามวัดวาอารามต่างๆ ทั่วประเทศเพื่อขอรับข้อมูล แล้วรวบรวมไว้สำหรับทำงานบูรณาการกันระหว่างหน่วยราชการต่างๆ รวมถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติต่อไปในวันข้างหน้าด้วย
ข้อมูลที่จะขอรับเมตตาจากวัดวาอารามต่างๆ มีทั้งข้อมูลเกี่ยวกับวัดโดยตรง เช่น สถานที่ตั้ง พระภิกษุสามเณร แม่ชี ตลอดถึงผู้ที่อาศัยพักพิงอยู่ในวัดต่างๆ หากมีไวยาวัจกร ก็ขอข้อมูลที่เกี่ยวข้องด้วย
ในวานนี้ (6 สิงหาคม) สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้มีหนังสือแจ้งไปยังผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดว่า ข้อมูลบัญชีวัด ซึ่งเป็นอำนาจของเจ้าอาวาสในการดูแลตามกฎหมายนั้น ที่ประชุมมหาเถรสมาคมได้มีมติเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมาว่า “ขอให้ทุกวัดเปิดเผยข้อมูลและส่งแบบรายงานบัญชีรายรับ บัญชีรายจ่ายของวัด และยอดเงินคงเหลือของวัด ต่อสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติหรือสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดแล้วแต่กรณี ตามรอบการรายงาน ตามมติมหาเถรสมาคมที่ 495 / 2568 โดยเคร่งครัด
ส่วนบัญชีธนาคารซึ่งเป็นบัญชีส่วนบุคคลอันเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่มีกฎหมายคุ้มครองนั้น สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติแจ้งไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดว่า หน่วยราชการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอาจขอความร่วมมือในการตรวจสอบได้ ในกรณีเจ้าของบัญชียินยอม
นอกจากนั้น ในหนังสือชี้แจงดังกล่าวยังแจ้งด้วยว่า หน่วยราชการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้มีอำนาจตามกฏหมายย่อมมีอำนาจตรวจสอบหรืออายัดบัญชีธนาคารซึ่งเป็นบัญชีส่วนบุคคล ต่อกรณีเมื่อมีการกระทำความผิดตามกฏหมายอาญาและได้ดำเนินการโดยชอบตามกระบวนการทางกฎหมายแล้ว
ถ้ามีข้อสงสัยในการปฏิบัติอย่างไร ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดติดต่อสอบถามแนวปฏิบัติได้ที่กลุ่มคุ้มครองพระพุทธศาสนา โทรศัพท์ 02-4414992 เพื่อตอบข้อสงสัยต่อไป
ผมในฐานะไวยาวัจกรของหลายวัด เห็นข้อมูลเรื่องนี้มีประโยชน์และคลายความกังวลสงสัยของคนที่ทำหน้าที่แบบผมหรือพระภิกษุอีกจำนวนมากไปได้เป็นอย่างดี จึงขอนำมาแบ่งปันในที่นี้ครับ

