ยธ. ยืนยัน ทักษิณ ชินวัตร ยื่นขออภัยโทษรายบุคคลจริง ส่งต่อ สลค. ดำเนินการตามขั้นตอน
กระทรวงยุติธรรมออกมายืนยันว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ยื่นคำร้องขอพระราชทานอภัยโทษรายบุคคลจริง และขณะนี้ได้ส่งเรื่องต่อไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้องแล้ว

เบื้องหลังการยื่นคำร้องอภัยโทษ
หลังจากที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2568 ให้จำคุกนายทักษิณ เป็นเวลา 1 ปีในคดีที่ 14 เพียงหนึ่งวันต่อมา คือวันที่ 10 กันยายน นายทักษิณได้ยื่นคำร้องขออภัยโทษต่อกระทรวงยุติธรรม
การพิจารณาของกระทรวงยุติธรรม
ต่อมาเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2568 กระทรวงยุติธรรม ภายใต้การกำกับดูแลของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มีมติรับเรื่องดังกล่าวและส่งต่อไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เพื่อเข้าสู่กระบวนการพิจารณาตามขั้นตอน
เงื่อนไขทางการเมืองที่เกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ตาม กระบวนการดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่เพิ่งได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2568 และได้เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2568 โดยมีกำหนดแถลงนโยบายต่อรัฐสภา จึงทำให้ขั้นตอนการดำเนินงานต้องรอความชัดเจนเพิ่มเติม

ขั้นตอนการยื่นทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาเพื่อขอรับพระราชทานอภัยโทษเป็นรายบุคคล
- ผู้ต้องขังเด็ดขาด หรือผู้มีประโยชน์ อาทิ บิดา มารดา คู่สมรส บุตรของผู้ต้องขัง ยื่นเรื่องผ่านเรือนจำ/ทัณฑสถาน
- เรือนจำ/ทัณฑสถาน จะสอบสวนเรื่องราว ทูลเกล้าฯ รวบรวมเอกสาร และส่งต่อไปยังกรมราชทัณฑ์
- กรมราชทัณฑ์ประมวลข้อเท็จจริง และสรุปเรื่องเพื่อประกอบการถวายความเห็นของ รมว.ยุติธรรม
- ความเห็นของ รมว.ยุติธรรม จะถูกส่งไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ต่อด้วยสำนักงานองคมนตรี
- เมื่อมี ชพระบรมราชโองการผลฎีกา อย่างไร ก็จะแจ้งผลมายังเรือนจำ/ทัณฑสถาน ต่อไป
การยื่นเรื่องทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาเพื่อขอรับพระราชทานอภัยโทษเป็นรายบุคคล ไม่ว่าจะระดับชั้นเรือนจำ/ทัณฑสถาน กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม เมื่อได้รับเรื่องราวทูลเกล้าฯ ของผู้ต้องขังเด็ดขาดแล้ว จะไม่สามารถเก็บคำร้องไว้ได้ จะต้องมีการเสนอไปตามลำดับชั้น ซึ่งความเห็นของชั้นต่างๆ จะมีเเค่ “เห็นควรอภัยโทษ” หรือ “เห็นว่าโทษทัณฑ์ที่ได้รับเหมาะสมแล้ว” แต่โดยหลักการแล้ว เรื่องการพระราชทานอภัยโทษ ลดโทษอย่างไร เป็นเรื่องของพระราชอำนาจฯ ที่มิอาจก้าวล่วงได้
สำหรับประเด็นสงสัยว่าการขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย ผู้ต้องขังสามารถยื่นขอซ้ำอีกได้ หรือไม่นั้น เนื่องจากเมื่อครั้งที่ นายทักษิณ ชินวัตร กลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เมื่อวันที่ 22 ส.ค.66 ก็เคยมีการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะรายไปแล้ว ซึ่งจากโทษรวม 8 ปี ก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณอภัยลดโทษเหลือ 1 ปี นั้น ขอเรียนว่า อาจเป็นความเข้าใจของผู้ต้องขังว่า ตนนั้นได้รับโทษไปแล้ว เพราะก็คือการรับโทษมาแล้ว 1 ปี แม้ว่าจะเป็นการไปรักษาตัวนอกเรือนจำฯ ที่ รพ.ตำรวจ แต่ก็ไม่ได้มีการออกไปภายนอกสถานที่รักษาตัวแต่อย่างใด คราวนี้ล่าสุดศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็ได้มีคำพิพากษาว่า ต้องรับโทษ จึงต้องบังคับโทษ 1 ปี นั้น จึงไม่ทราบรายละเอียดเนื้อหาว่ามีการยื่นทูลเกล้าฯ ขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย อย่างไรบ้าง เพราะรายละเอียดเงื่อนไขของผู้ร้องอาจแตกต่างกันในแต่ละครั้ง แต่ถ้ามองตามปกติแล้ว ผู้ต้องขังมักจะเรียบเรียงเรื่องราวของตน ถึงเหตุผลว่าเหตุใด จึงประสงค์ยื่นทูลเกล้าฯ ขอพระราชทานอภัยโทษในครั้งนี้