จากกรณี แพทย์ผิวหนังชาวญี่ปุ่นได้ออกมาเตือนว่า หลังจากนอนหลับเพียงหนึ่งคืน ปลอกหมอนอาจเป็นแหล่งสะสมแบคทีเรียและไรฝุ่นได้หลายหมื่นตัว การศึกษาในสหรัฐอเมริกายังแสดงให้เห็นว่า หากไม่ได้ซักปลอกหมอนเป็นเวลา 7 วัน ปลอกหมอนอาจเป็นแหล่งสะสมแบคทีเรียมากกว่าฝารองนั่งชักโครกถึง 17,000 เท่า

สื่อญี่ปุ่น ระบุว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำความสะอาดของญี่ปุ่น กล่าวว่า เครื่องนอนมักสัมผัสกับผิวหนัง เหงื่อ และน้ำมันโดยตรง หากคุณเป็นคนที่เหงื่อออกง่าย คุณอาจพบว่า เครื่องนอนอาจมีกลิ่นเมื่อตื่นนอนในเช้าวันรุ่งขึ้น
ขณะเดียวกัน แพทย์ผิวหนัง อธิบายว่า น้ำมันและเหงื่อจากใบหน้าและศีรษะสามารถเกาะติดหมอนและค่อยๆ ออกซิไดซ์ได้ หลังจากนอนหลับเพียงหนึ่งคืน ปลอกหมอนอาจเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรียและไรฝุ่นนับหมื่นตัว
ซึ่งอาจนำไปสู่ผิวหยาบกร้าน สิว และแม้กระทั่งอาการแพ้ทางผิวหนังที่รุนแรงขึ้น “ไม่จำเป็นต้องซักปลอกหมอนทุกวัน แต่ควรซักให้บ่อยขึ้นดีกว่า

ผู้เชี่ยวชาญ ยังแนะนำด้วยว่า ผู้ที่มีลูกหรือมีผิวแพ้ง่ายที่บ้านควรซักปลอกหมอนบ่อยขึ้น หากคุณนอนกับสัตว์เลี้ยงก็ควรซักปลอกหมอนบ่อยขึ้นเช่นกัน โดยควรซักปลอกหมอนอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งนั้นเป็นทางเลือกที่เหมาะสม
รวมถึงยังแนะให้คุณเตรียมปลอกหมอน 2-3 ใบไว้เปลี่ยน และวางผ้าขนหนูทับผ้าคลุมเตียงไว้เปลี่ยนทุกวัน อย่าลืมตากแดดหลังซัก หรือเลือกใช้เครื่องอบผ้าเพื่อให้แห้งสนิท หากคุณเผลอใช้ผ้าในที่ชื้น อาจทำให้เกิดเชื้อราและมีกลิ่นเหม็นได้
นอกจากนี้ รายงานจากเว็บไซต์ต่างประเทศ เผยว่า การศึกษาวิจัยในสหรัฐฯ ระบุว่า หากไม่ได้ซักปลอกหมอนเป็นเวลา 7 วัน จำนวนแบคทีเรียที่สัมผัสขณะนอนหลับอาจมากกว่าจำนวนแบคทีเรียที่สัมผัสบนฝารองนั่งชักโครกถึง 17,000 เท่า