ผัวเมียสุดช้ำ!!.. ซ่อมรถบรรทุก 3 หมื่นกว่า ขับออกจากอู่ 5 กม. ดับกลางสี่แยก

วันที่ 26 กันยายน 2568 สองสามีภรรยาเจ้าของรถบรรทุก 18 ล้อพ่วง ชาวจังหวัดพัทลุง ร้องขอความเป็นธรรมผ่านสื่อมวลชน หลังนำรถเข้าซ่อมในอู่ดังกลางเมืองด้วยค่าใช้จ่าย 34,000 บาท แต่ใช้งานได้ไม่ทันข้ามอำเภอ รถกลับดับกลางสี่แยก และถูกเจ้าของอู่ปฏิเสธความรับผิดชอบอย่างสิ้นเชิง หนำซ้ำเมื่อไปแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรเมืองพัทลุง ยังถูกปฏิเสธการรับแจ้งความอีกด้วย

นาง ศ. อายุ 31 ปี พร้อมด้วย นาย ส. อายุ 34 ปี สองสามีภรรยาเจ้าของรถบรรทุก เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 กันยายนที่ผ่านมา รถบรรทุก 18 ล้อ ซึ่งเป็นรถทำมาหากินของครอบครัว เริ่มมีอาการเครื่องสะดุด จึงนำเข้าซ่อมที่อู่ซ่อมชื่อดังในตัวเมืองพัทลุง

ทางอู่ประเมินราคาซ่อมระบบปั๊มหัวฉีดอยู่ที่ 34,000 บาท ซึ่งทั้งคู่ได้โอนเงินจำนวนดังกล่าวให้เจ้าของอู่ไปทันที ด้วยความหวังว่ารถจะกลับมาใช้งานได้อย่างราบรื่น

ต่อมาวันที่ 12 กันยายน เจ้าของอู่แจ้งว่าซ่อมรถเสร็จแล้วให้มารับรถกลับไปได้เลย ซึ่งหลังจากรอรับรถที่ซ่อมเสร็จ ทั้งคู่พร้อมช่างซ่อมคนหนึ่งได้ขับรถบรรทุกออกจากอู่ด้วยความโล่งใจ แต่เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อรถที่เพิ่งจ่ายเงินซ่อมไปไม่ทันข้ามอำเภอ ก็ ดับสนิทกลางสี่แยก ห่างจากอู่เพียงแค่ 5 กิโลเมตร เท่านั้น

ผู้เสียหายกล่าวว่า ตนแทบไม่เชื่อว่าเงินที่เสียไปนี้มีการซ่อมจริงหรือไม่ เพราะรถยังคงมีอาการเหมือนเดิมคือดับ เมื่อสอบถามไปยังเจ้าของอู่เพื่อให้รับผิดชอบ กลับได้รับท่าทีบ่ายเบี่ยงและ ไม่ยอมรับผิดชอบ อีกทั้งยัง ท้าทายให้ไปแจ้งความเอาเอง ยิ่งซ้ำเติมความรู้สึกของผู้เสียหายที่รถก็ยังใช้ไม่ได้ แถมยังถูกปฏิเสธความรับผิดชอบอย่างสิ้นเชิง

ด้วยความจนใจและต้องการดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหาฉ้อโกง สองสามีภรรยาจึงเดินทางไปยัง สภ.เมืองพัทลุง เพื่อขอลงบันทึกประจำวัน แต่กลับถูกพนักงานสอบสวนปฏิเสธไม่รับแจ้งความ พร้อมแนะนำให้ไป หาทนายฟ้องร้องเอาเอง

การถูกปฏิเสธจากทั้งเจ้าของอู่และพนักงานสอบสวน ทำให้ผู้เสียหายรู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้งจากกระบวนการยุติธรรม จึงตัดสินใจร้องขอความเป็นธรรมผ่านสื่อมวลชน เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือและให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์เตือนประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของการบริการที่ขาดความรับผิดชอบ

Scroll to Top