อดทนอดกลั้นถึงที่สุดแล้ว กองทัพบกชี้แจง..กรณีข้อพิพาทชายแดน จ.สระแก้ว..!!

เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2568 ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบก รายงานผ่านเพจเฟซบุ๊ก ทีมโฆษกกองทัพบก โดยระบุว่า กองทัพบกชี้แจงข้อเท็จจริงต่อแถลงการณ์กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา กรณีข้อพิพาทชายแดน จ.สระแก้ว ย้ำพื้นที่ดังกล่าวไม่ใช่พื้นที่พิพาทหรือพื้นที่อ้างสิทธิตาม MOU 2000 แต่เป็นเขตแดนไทยอย่างชัดเจน

จากการที่กระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชาได้แถลงการณ์ตอบโต้ฝ่ายไทย เมื่อวันที่ 24 ก.ย.68 กรณีที่ชาวกัมพูชาขยายชุมชนบุกรุกเข้าไปในเขตไทย ณ พื้นที่บ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว นั้น พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้กล่าวต่อกรณีดังกล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศของไทย ได้ออกมาแถลงการณ์ให้ข้อมูลข่าวสารอย่างชัดเจนต่อคำแถลงการณ์ของฝ่ายกัมพูชาที่มีข้อมูลในลักษณะบิดเบือนในหลายประการ จึงขอเรียนชี้แจงย้ำอีกครั้ง เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อสังคม ดังนี้

ประเด็นกล่าวอ้าง 1 ประเทศไทยไม่สามารถอ้างสิทธิ์อธิปไตย หรือใช้กฎหมายภายในประเทศกับชุมชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ยังไม่ได้กำหนดเขตแดน

โฆษก ทบ.ชี้แจง การบังคับใช้กฎหมายไทยกับพลเมืองกัมพูชาที่รุกล้ำเข้ามาประท้วงที่บ้านหนองจาน และหนองหญ้าแก้ว ขอยืนยันว่า ไทยใช้กฎหมายภายในของไทยกับบุคคลที่อยู่ในพื้นที่ เขตแดนไทย ไม่ใช่พื้นที่อ้างสิทธิ์อย่างที่กัมพูชาบิดเบือน ซึ่งถูกต้องตามหลักอธิปไตยของรัฐและหลักสากล เมื่อมีชุมชนกัมพูชารุกล้ำเข้ามา ซึ่งไทยได้ประท้วงผ่าน MOU แล้วหลายครั้ง ดังนั้นการดำเนินการตามกฎหมายจึงเป็นสิ่งที่ถูกต้อง

ประเด็นกล่าวอ้าง 2 ในระหว่างการหยุดยิง ซึ่งทั้งสองฝ่ายต้องงดเว้นจากกิจกรรมยั่วยุ ช่วงเวลาของการบังคับใช้กฎหมายไทยอย่างไม่ชอบธรรมนี้น่ากังวลยิ่ง

โฆษก ทบ.ชี้แจง ตลอดห้วงเวลาการหยุดยิง ประเทศไทยได้ปฏิบัติมาตรการอย่างเคร่งครัด แต่กลับเป็นฝ่ายกัมพูชาที่ปลุกปั่นประชาชนเข้ามาประท้วง ถือเป็นการยั่วยุ และละเมิดต่อกฎหมายไทยในหลายมาตรา

ประเด็นกล่าวอ้าง 3 ย้ำว่าชาวกัมพูชาอาศัยอยู่ในพื้นที่ของหมู่บ้านเปรยจัน ตำบลโอเบยโจน จังหวัดบันเตียเมียนเจย ของกัมพูชามาก่อนที่จะมีการลงนาม MOU 2000 ที่ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะคงสถานะเดิมไว้จนกว่างานกำหนดเขตแดนจะเสร็จสมบูรณ์

โฆษก ทบ.ชี้แจง การกล่าวอ้างดังกล่าวปราศจากหลักฐานอ้างอิง จากการตรวจสอบภาพถ่ายทางอากาศในหลายห้วงเวลา พบว่ามีการสร้างชุมชนรุกล้ำประเทศไทย ละเมิด MOU 2000 ซึ่งไทยได้ประท้วงมาอย่างต่อเนื่อง แต่กลับเป็นฝ่ายกัมพูชาที่ไม่แก้ไขและยังขยายพื้นที่เพิ่ม

ประเด็นกล่าวอ้าง 4 การประท้วงของชาวบ้านกัมพูชาเป็นการตอบโต้อย่างยุติธรรม ต่อการละเมิดทรัพย์สินและบ้านเรือนของพวกเขา

โฆษก ทบ.ชี้แจง มูลเหตุแห่งความขัดแย้งในพื้นที่ดังกล่าวเกิดจากฝ่ายกัมพูชา สร้างชุมชน รุกล้ำดินแดนอธิปไตยของไทย ซึ่งฝ่ายไทยได้ประท้วงแต่กัมพูชาไม่แก้ไข จึงควรเป็นฝ่ายไทยที่เรียกร้องต่อการละเมิด ทั้งนี้ การรุกล้ำและการประท้วงโดยใช้สิ่งเทียมอาวุธของชาวบ้านกัมพูชา เป็นการกระทำที่พิสูจน์ทราบว่า มีเจ้าหน้าที่กัมพูชาให้การสนับสนุน เจ้าหน้าที่ไทยจึงจำเป็นต้องดูแลควบคุมความสงบเรียบร้อยตามหลักสากล

ประเด็นกล่าวอ้าง 5 ฝ่ายกัมพูชาชี้ว่า ดูจากเส้นตรงที่บิดเบือนไปจากภาพอินโฟกราฟิกที่ฝ่ายไทยนำเสนอ คนไทยได้ครอบครองและทำการเกษตรบนพื้นที่หลายเฮกตาร์ที่ตั้งอยู่บนพรมแดนฝั่งกัมพูชามาเป็นเวลานานหลายปี

โฆษก ทบ.ชี้แจง พิกัดเส้นตรงจากภาพอินโฟกราฟิกที่ฝ่ายไทยนำเสนอ ไม่เคยระบุยืนยันว่าแผนผังดังกล่าวกำหนดเส้นเขตแดน เพราะการเจรจาเรื่องเส้นเขตแดนอยู่ภายใต้อาณัติของกลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือ JBC ทั้งนี้ แผนผังที่ฝ่ายไทยนำแสดงดังกล่าว เป็นเพียงการนำพิกัดหลักเขตแดนไปทำภาพจำลองเส้นเขตแดนบนแผนที่แบบไม่เป็นทางการเท่านั้น เพื่อความเข้าใจของประชาชนทั่วไป และจากหลักฐานดังกล่าวพบการรุกล้ำพื้นที่ของฝ่ายกัมพูชาอย่างชัดเจน

ประเด็นกล่าวอ้าง 6 เรียกร้องให้ฝ่ายไทยแก้ไขปัญหาพื้นที่พิพาทนี้ผ่านคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) แทนที่จะพยายามบังคับใช้กฎหมายและอำนาจอธิปไตยของไทยด้วยกำลัง รวมถึงการบังคับขับไล่ชาวบ้านกัมพูชาออกไป

โฆษก ทบ. กล่าวว่า พื้นที่ดังกล่าวไม่ใช่พื้นที่พิพาทหรือพื้นที่อ้างสิทธิตาม MOU 2000 แต่เป็นเขตแดนไทยที่ชัดเจน เมื่อเป็นเช่นนั้น จึงไม่จำเป็นต้องใช้กลไก JBC แก้ไขปัญหา ทั้งนี้ ไทยได้ปฏิบัติตามกลไก JBC และ MOU 2000 มาโดยตลอด

ประเด็นกล่าวอ้าง 7 ภายใต้ข้อตกลง MOU 2000 กัมพูชาได้ยื่นคำร้องต่อฝ่ายไทยหลายครั้ง เพื่อขอให้มีการแก้ไขในพื้นที่ที่มีการละเมิดพรมแดนฝั่งกัมพูชา แต่ไม่เป็นผล

โฆษก ทบ.ชี้แจง ฝ่ายไทยยืนยันไม่มีแนวคิดหรือพฤติกรรมในการรุกล้ำเส้นเขตแดนกัมพูชาตามที่กล่าวอ้าง กลับเป็นฝ่ายไทยที่ถูกกัมพูชารุกล้ำละเมิด MOU ดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ดังที่ได้เรียนมาแล้ว ปล่อยให้มีการสร้างอาคาร สถานที่ บ้านเรือน และชุมชน ทั้งในเขตพื้นที่ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ และในเขตที่เป็นอธิปไตยของไทย ซึ่งฝ่ายไทยได้ทำการประท้วงในกรอบ MOU แล้วกว่า 500 ครั้ง ในห้วง 20 ปีที่ผ่านมา แต่ฝ่ายกัมพูชากลับเพิกเฉยและไม่ยอมแก้ไข

ประเด็นกล่าวอ้าง 8 จำเป็นเร่งด่วนต้องสนับสนุนให้ JBC เร่งรัดการปักปันเขตแดน ควบคู่ไปกับการรักษาสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการดำเนินงาน JBC ตามข้อตกลง MOU 2000

โฆษก ทบ.ชี้แจง ฝ่ายไทยยึดหลักการทำงานตามกรอบ JBC และ MOU 2000 เสมอมา แต่การที่กัมพูชาไม่แก้ไขปัญหาการสร้างสิ่งก่อสร้างรุกล้ำ กลับเป็นสิ่งที่ฉุดรั้งกระบวนการของ JBC อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และสะท้อนถึงความไม่จริงใจในการแก้ไขปัญหาเขตแดนร่วมกัน

ประเด็นกล่าวอ้าง 9 กัมพูชาขอเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นต่อเงื่อนไขการหยุดยิงตามที่ประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปกัมพูชา-ไทย (GBC) เมื่อ 7 ส.ค.68 และ 10 ก.ย. 68 หวังว่าไทยจะยึดมั่นตามเงื่อนไขการหยุดยิงที่ยืนยันไว้ด้วยความจริงใจ

โฆษก ทบ.ชี้แจง การอ้างของกัมพูชาถึงความมุ่งมั่นต่อเงื่อนไขการหยุดยิงตาม GBC นั้น ขัดแย้งต่อหลักฐานที่กองทัพบกตรวจพบ ไม่ว่าจะเป็นการวางทุ่นระเบิด การเคลื่อนกำลัง และการใช้โดรนสอดแนมในพื้นที่ เป็นผู้สนับสนุน ปลุกปั่น และจัดฉากให้ประชาชนกัมพูชาออกมาชุมนุมประท้วงด้วยท่าทีที่ก้าวร้าว ก่อความไม่สงบในดินแดนไทย และใช้ความรุนแรงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไทย จนมีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายราย

ไทยมุ่งมั่นปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยใช้ความอดทนอดกลั้นขั้นสูงสุดมาโดยตลอด การปฏิบัติของทางการไทยทุกครั้งเป็นไปเพื่อป้องกันตนเอง รักษาอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน และประกันความปลอดภัยให้แก่พี่น้องประชาชน

ทั้งนี้ ฝ่ายไทยขอยืนยันความมุ่งมั่นต่อมาตรการหยุดยิง ตามที่ประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-กัมพูชา (GBC) เมื่อ 7 ส.ค.68 และ 10 ก.ย. 68 ได้มีมติร่วมกัน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่ากัมพูชาจะปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวด้วยความจริงใจและสำนึกในความรับผิดชอบร่วมกัน

Scroll to Top