เนปาลสั่นคลอน! ยอดผู้เสียชีวิตพุ่งสูง 51 ราย นายกฯ ลงจากตำแหน่ง รอผู้นำคนใหม่ขึ้นแทน (ข่าว ตปท.)

สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์เมื่อ วันที่ 8 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา เกิดเหตุความรุนแรงจากการชุมนุมประท้วงต่อต้านการทุจริตในประเทศเนปาล ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 51 ราย ขณะที่สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย หลังจากนายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่งและมีรายงานว่าอาจมีการแต่งตั้งอดีตประธานศาลฎีกาหญิงเป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการ

เจ้าหน้าที่ตำรวจเนปาลเปิดเผยยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดจากเหตุประท้วงซึ่งลุกลามจนกลายเป็นความวุ่นวายทางการเมือง โดยมีผู้เสียชีวิตรวมอย่างน้อย 51 ราย แบ่งเป็นผู้ประท้วง 21 ราย และเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 นาย ส่วนที่เหลือยังไม่สามารถระบุสถานะได้

เหตุการณ์เริ่มต้นจากการที่รัฐบาลออกคำสั่งห้ามใช้โซเชียลมีเดีย ซึ่งก่อให้เกิดความไม่พอใจในกลุ่มประชาชน โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชน ประกอบกับกระแสความไม่พอใจต่อปัญหาการทุจริตและการบริหารงานของรัฐบาลที่ถูกมองว่าไม่มีประสิทธิภาพ นำไปสู่การประท้วงครั้งใหญ่ในกรุงกาฐมาณฑุ ผู้ชุมนุมบางส่วนจุดไฟเผาอาคารรัฐสภา ส่งผลให้นายเค.พี. ชาร์มา โอลิ นายกรัฐมนตรีของเนปาล ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง

กองทัพเนปาลได้เข้าควบคุมสถานการณ์ในกรุงกาฐมาณฑุ โดยสามารถยึดอาวุธที่ถูกปล้นจากสถานีตำรวจกลับคืนมาได้มากกว่า 100 กระบอก ขณะเดียวกัน มีรายงานว่านักโทษจำนวน 12,533 คนหลบหนีออกจากเรือนจำในช่วงที่เกิดความวุ่นวาย โดยบางส่วนพยายามหลบหนีข้ามพรมแดนไปยังประเทศอินเดีย ซึ่งมีผู้ถูกจับกุมแล้วบางส่วน

แหล่งข่าวจากฝ่ายเจรจาในกลุ่มผู้ประท้วงเปิดเผยว่า นางสุศิลา คาร์กี อดีตประธานศาลฎีกาเนปาล มีแนวโน้มสูงที่จะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีรักษาการ โดยกลุ่มผู้ประท้วงหลักซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ (Gen Z) ให้การสนับสนุนบุคคลดังกล่าว การแต่งตั้งคาดว่าจะมีขึ้นหลังการประชุมที่บ้านพักของประธานาธิบดี ราม จันทรา พูเดล ซึ่งกำหนดไว้ในเวลา 09.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น

แม้ประเทศเนปาลจะเผชิญกับความไม่มั่นคงทางการเมืองมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่การยกเลิกระบอบกษัตริย์ในปี 2008 แต่สถานการณ์ในกรุงกาฐมาณฑุเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ร้านค้าเริ่มเปิดให้บริการอีกครั้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับมาใช้กระบองในการควบคุมฝูงชนแทนอาวุธปืน ส่วนทหารยังคงปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวนในพื้นที่บางจุดของเมือง

Scroll to Top