วันที่ 7 กันยายน 2568 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ วิพากษ์การจัดตั้งรัฐบาลพรรคภูมิใจไทยที่มี เงื่อนไขพิสดาร จนเป็นเหตุให้พรรคประชาชน กลายเป็นเสาหลักในการสถาปนาอำนาจ ซึ่งทำให้รัฐบาลเสี่ยงต่อความไม่มั่นคงและการอยู่ในอำนาจระยะสั้น
นายณัฐวุฒิยกตัวอย่างว่า แม้พรรคเพื่อไทยเคยตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว แต่การตัดสินใจขึ้นบริหาร เป็นคนของเรา ไม่ได้หยิบยื่นให้ฝ่ายอื่นเข้าครอบงำ ต่างจากกรณีปัจจุบันที่พรรคประชาชนยื่นมือให้ภูมิใจไทย หากแต่ไม่มีอำนาจควบคุมอย่างแท้จริง
คะแนนเสียงที่พรรคภูมิใจไทยและพันธมิตรมีไม่เพียงพอต่อองค์ประชุม สุดท้าย พรรคประชาชน กลับต้องแบกรับบทบาทนี้ไปด้วย จึงกลายเป็นเรื่องที่ พิลึก ที่ฝ่ายค้านต้องคอยหนุนรัฐบาลด้วยตนเอง
แม้พรรคประชาชนตกลงสร้างแนวร่วม แต่เพื่อไทยยังมีอิสระในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือเสนอให้ยุบสภาตามแนวทางที่เชื่อว่าเหมาะสม โดยไม่จำเป็นต้องรอคำสั่งจากฝ่ายที่เข้าร่วมรัฐบาล
นายณัฐวุฒิเรียกร้องให้พรรคประชาชนใช้โอกาสในวันแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ออกแถลงการณ์กำชับ วันยุบสภาไม่เกิน 15 มกราคม 2569 เพื่อยืนยันความชัดเจนต่อประชาชน
มีคำถามว่า แม้คะแนนโหวตนายกฯ (311 เสียง) จะมาจากพรรคส้ม 143 เสียง ร่วมกับพรรคภูมิใจไทย แต่หากมีคะแนนเพิ่มขึ้นจนกลายเป็นเสียงข้างมากนั้น เป็นการละเมิดข้อ 4 ของ MOA หรือไม่ และหากล้ำเส้น จะมีคะแนนในสภาเป็นเท่าไหร่ที่ถือว่าจนเกินขอบเขต?
พรรคภูมิใจไทยได้เครื่องมืออำนาจเต็มที่ ได้ทุกอย่าง แต่พรรคประชาชน กลับกลายเป็นหมากที่ถูกเดินในเกมนี้
นี่ป็นเรื่องที่ประชาชนต้องจับตา เพราะ อนาคตของประชาธิปไตยไทย อยู่บนความไม่แน่นอน
