ดื่มกาแฟ vs ไม่ดื่มกาแฟ ใครมีอายุยืนกว่ากัน? งานวิจัยจากต่างประเทศหลายชิ้น เผยคำตอบที่น่าแปลกใจ
งานวิจัยหลายชิ้นพบว่า ผู้ที่ดื่มกาแฟมีแนวโน้มจะมีอายุยืนยาวกว่าผู้ที่ไม่ดื่ม หากดื่มในปริมาณที่เหมาะสม และไม่ใส่น้ำตาลหรือไขมันอิ่มตัวมากเกินไป อย่างไรก็ตาม ปัจจัยอื่น ๆ เช่น ไลฟ์สไตล์ อาหาร และพันธุกรรม ก็ยังมีบทบาทสำคัญในการกำหนดอายุขัย
- งานวิจัยปี 2022 ที่ตีพิมพ์ในวารสารสมาคมโรคหัวใจยุโรป ระบุว่าผู้ดื่มกาแฟมีความเสี่ยงเสียชีวิตก่อนวัยอันควรจากทุกสาเหตุ ต่ำกว่าผู้ที่ไม่ดื่มถึง 14–27%
- งานวิจัยปี 2025 ในกลุ่มคนอเมริกันกว่า 40,000 คน พบว่าผู้ดื่มกาแฟตอนเช้ามีความเสี่ยงเสียชีวิตจากทุกสาเหตุ ต่ำกว่า 16% และความเสี่ยงเสียชีวิตจากโรคหัวใจ ต่ำกว่า 31% แต่ในผู้ที่ดื่มกาแฟตลอดทั้งวัน ไม่พบประโยชน์ชัดเจน ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการรบกวนนาฬิกาชีวภาพและการนอนหลับ

สารสำคัญและคุณประโยชน์ของกาแฟ
กาแฟอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น กรดคลอโรเจนิก เมลาโนอิดิน วิตามินบี 2 วิตามินบี 5 แมงกานีส โพแทสเซียม และแมกนีเซียม ซึ่งช่วยลดการอักเสบและความเสี่ยงโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ เบาหวานชนิดที่ 2 มะเร็งตับ รวมถึงช่วยปรับอารมณ์และลดความเสี่ยงการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี
- งานวิจัยในวารสาร European Journal of Preventive Cardiology ระบุว่า ดื่มกาแฟวันละ 2–3 แก้ว ลดความเสี่ยงโรคหัวใจได้ถึง 20%
- งานวิจัยล่าสุดใน เกาหลีใต้ (กรกฎาคม 2025) พบว่ากาแฟไม่ใส่น้ำตาล ลดความเสี่ยงโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ถึง 20–30%
- ยังมีความเชื่อมโยงกับการลดความเสี่ยงโรคพาร์กินสันและอัลไซเมอร์

ใครไม่ควรดื่มกาแฟ?
ไม่ใช่ทุกคนที่เหมาะกับการดื่มกาแฟ ผู้ที่ไวต่อคาเฟอีน มีความดันโลหิตสูง ภาวะวิตกกังวล นอนไม่หลับ หรือมีปัญหาระบบทางเดินอาหาร ควรหลีกเลี่ยงเพื่อลดผลข้างเคียง
ทางเลือกสำหรับคนไม่ดื่มกาแฟ
ผู้ที่ไม่ดื่มกาแฟยังสามารถรับสารต้านอนุมูลอิสระจาก ชาเขียว ผลไม้ และผัก เช่น บลูเบอร์รี สตรอว์เบอร์รี ผักโขม บรอกโคลี และดาร์กช็อกโกแลต
ปัจจัยอื่น ๆ ที่ช่วยยืดอายุ
- นอนหลับคุณภาพ 7-9 ชั่วโมงต่อคืน
- หลีกเลี่ยงแสงสีฟ้าจากหน้าจอก่อนนอน
- ออกกำลังกายระดับปานกลางอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์
- จัดการความเครียดและรักษาความสัมพันธ์ทางสังคมที่ดี
- ตรวจสุขภาพสม่ำเสมอเพื่อเฝ้าระวังโรคเรื้อรัง
โดยรวมแล้ว กาแฟสามารถช่วยลดความเสี่ยงโรคเรื้อรังและยืดอายุได้ หากดื่มอย่างเหมาะสมและไม่เติมสารปรุงแต่งมากเกินไป แต่ปัจจัยด้านไลฟ์สไตล์และสุขภาพโดยรวมก็ยังมีความสำคัญไม่แพ้กัน