แพทย์เตือน! ไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์เอ AH3 ระบาดหนักในรอบ 5 ปี แนะจับตาตลอดเดือนตุลาคม เป็นช่วงพีคที่สุด.!!

วันที่ 14 ต.ค.2568 ทาง นพ.วีรวัฒน์ มโนสุทธิ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิและโฆษกกรมควบคุมโรค เปิดเผยถึงสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ว่า ข้อมูลผู้ป่วยสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 6 ตุลาคม สูงถึง 678,433 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิต 68 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.01 โดยผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลมากถึง 93,388 ราย คิดเป็นร้อยละ 13.7 ของผู้ป่วยทั้งหมด

โดยแนวโน้มการระบาดอยู่ในช่วงขาขึ้น คาดว่าในเดือนตุลาคมนี้จะพบผู้ป่วยรายใหม่สูงขึ้นต่อเนื่อง เป็นช่วงพีคของการระบาด แล้วแนวโน้มผู้ป่วยจะเริ่มลดลงในต้นเดือนพฤศจิกายน ซึ่งสาเหตุที่พบผู้ป่วยมากในช่วงนี้ เนื่องจากโรคไข้หวัดใหญ่จะมาพบฤดูฝน ซึ่งปีนี้ฝนมาช้า จึงส่งผลทำให้พบผู้ป่วยช้ากว่าปีก่อนๆ ที่จะพบการระบาดตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคม

ทั้งนี้ ผู้ป่วยต่อแสนประชากร พบมากที่สุดใน เด็กอายุ 5 – 9 ปี รองมาเป็นอายุ 0 – 4 ปี และ 10 – 14 ปีตามลำดับ แต่ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงจะอยู่ในกลุ่มผู้ที่อายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป ขณะที่ สายพันธุ์ที่พบการระบาดสูงคือ สายพันธุ์เอ AH3 รองมาคือสายพันธุ์เอ AH1 และสายพันธุ์บี ซึ่งตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายนถึงตุลาคมที่ผ่านมา พบการระบาดใน 21 เหตุการณ์ คือ ระบาดในโรงเรียน 12 เหตุ ในเรือนจำ 5 เหตุ ค่ายทหาร 2 เหตุ และในสถานพยาบาล 2 เหตุ

นพ.วีรวัฒน์ กล่าวว่า สถานการณ์ระบาดในช่วงเดือนตุลาคมปี 2568 มีผู้ป่วยสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2567 และสูงกว่าค่ามัธยฐานย้อนหลัง 5 ปี ดังนั้น ปีนี้เป็นปีที่ไข้หวัดใหญ่มาช้า แต่มาเยอะ ส่วนเรื่องการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่นั้น กระทรวงสาธารณสุขได้รณรงค์ให้กลุ่มเสี่ยง 7 กลุ่มเข้ารับวัคซีนตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงกันยายน

โดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้เพิ่มวัคซีนจาก 4.5 เป็น 6 ล้านโดส นับว่าเป็นปีที่มีวัคซีนเยอะ อัตรารับวัคซีนก็เยอะขึ้น แต่คนป่วยก็มากขึ้น ซึ่งต้องทำความเข้าใจว่าวัคซีนป้องกันการป่วยรุนแรง แต่ก็ยังมีโอกาสรับเชื้อและป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ได้ ทั้งนี้ หากสถานพยาบาลใดยังมีวัคซีนอยู่ ประชาชนก็สามารถติดต่อรับวัคซีนได้รับ แต่หากเป็นกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ สามารถรับได้ฟรีตลอดทั้งปี

นพ.วีรวัฒน์ กล่าวว่า มาตรการป้องกันในตอนนี้จะเน้นการดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคล โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง คือ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ที่เมื่อติดเชื้อมักป่วยรุนแรงกว่ากลุ่มอื่นๆ โดยขอให้เลี่ยงการเข้าพื้นที่ที่มีคนเยอะ สวมหน้ากากอนามัยป้องกันตลอดเวลา และล้างมือให้สะอาดด้วยแอลกอฮอล์ ส่วนผู้ที่เริ่มมีอาการป่วย โดยเฉพาะไข้สูง ขอให้รีบแยกตัวออกจากผู้อื่น และให้ไปพบแพทย์ในทันที เนื่องจากการรับยาต้านไวรัสเร็ว ภายใน 72 ชั่วโมงแรก จะช่วยลดความรุนแรงของโรคได้สูง

Scroll to Top